บทที่ 2 ตอนที่ 2
หล่อนอ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงแผ่วเบา
เคลวินหัวเราะในลำคอ พิศมองดวงหน้าขาวผ่องของเด็กสาววัยกำดัด เจ้าหล่อนมีรอยยิ้มสดใสที่ให้ความรู้สึกเหมือนแสงตะวันยามเช้า มันทั้งอบอุ่นและสดใส
ริมฝีปากที่อยู่ใต้จมูกโด่งเชิดพองามอวบอิ่มจนดูเหมือนจะหนาเกินไป ไม่ได้เป็นรูปกระจับเหมือนที่สาวๆ นิยมกัน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันดูเย้ายวนเชิญชวนให้ชายลิ้มลอง
ดวงตากลมโตสีดำขลับสดใส แววตาของหล่อนไร้เดียงสาไม่ต่างจากเด็กสาววัยแรกรุ่นทั่วไป แต่ทุกครั้งที่นัยน์ตาหวานทอดมองมายังเขา เขาก็สัมผัสได้ถึงความเทิดทูนบูชาจากเจ้าหล่อนได้อย่างชัดเจน และเพราะแบบนี้ไง เขาถึงมีความคิดเห็นแก่ตัวอย่างนี้ขึ้นมาในสมอง
“นั่นสินะ เธอมีอายุสิบแปดปีแล้ว”
“เอ่อ... เมื่อกี้พ่อเลี้ยงบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับหนูใช่ไหมคะ”
“อืม”
ใบหน้าหล่อลากไส้ผงกขึ้นลงตอบเพียงสั้นๆ ในขณะที่หล่อนรู้สึกกังวลแปลกประหลาด
“เอ่อ... เรื่องมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ”
เคลวินเคยบอกกับหล่อนเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าหลังจากที่หล่อนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เขาจะส่งหล่อนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่หล่อนต้องการเรียนต่อแค่ที่เชียงใหม่เท่านั้น
“ไม่ใช่”
ดวงตากลมโตของเฌอปรางเบิกกว้างเล็กน้อย และก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ เคลวินยังจะมีเรื่องอะไรคุยกับหล่อนอีกล่ะ ในเมื่อปกติแล้ว เขาไม่ค่อยจะสนใจเสวนากับหล่อนสักเท่าไหร่
“เอ่อ... แล้วเรื่องอะไรเหรอคะพ่อเลี้ยง”
ดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินจ้องมองมาที่หล่อนนิ่งนาน นานจนหล่อนรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก
เคลวินไม่เคยมองหล่อนด้วยสายตาแบบนี้ และไม่เคยมองนานแบบนี้ด้วย
“หนูยินดีทำทุกอย่างตามคำสั่งพ่อเลี้ยงค่ะ”
หล่อนตัดสินใจพูดออกไป เพื่อให้ผู้ชายตรงหน้ายอมเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจเสียที
หล่อนเห็นเขาพ่นลมออกจากปากเฮือกใหญ่สองสามครั้ง ก่อนที่จะเริ่มต้นพูดขึ้น
“ฉันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากเธอน่ะ”
“ค่ะ”
ดวงตากลมโตจ้องมองเขา มองอย่างรอคอยใจจดจ่อ
“เธอน่าจะพอรู้มาบ้างแล้วล่ะ เรื่องณิชาน่ะ”
“เอ่อ... หนู... พอ... พอทราบค่ะ”
หล่อนอึกอักไม่อยากจะพูดออกไปนัก เพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจของผู้ชายตรงหน้า
“มันเป็นเรื่องที่น่าบัดซบมากที่จู่ๆ ฉันถูกคนรักที่คบกันมาสิบกว่าปีสลัดทิ้ง แถมยังได้รับการ์ดเชิญแต่งงานมาให้แสลงใจอีก”
“พ่อเลี้ยงคะ... หนูไม่รู้จะช่วยพ่อเลี้ยงยังไง แต่หนูอยากให้พ่อเลี้ยงเข้มแข็งไว้นะคะ”
หล่อนคิดว่าเขาจะแสดงความเจ็บปวดออกมา แต่กลับไม่มีให้เห็นเลย เพราะแววตาของเคลวินตอนนี้มีแต่กองไฟ และมันก็คือไฟแค้นที่น่ากลัว
“ถูกต้อง ฉันเจ็บปวด แต่ในความเจ็บปวดนั้นมันอัดแน่นไปด้วยความแค้น”
“เอ่อ...”
“แล้วฉันก็ต้องการให้เธอช่วย”
หล่อนคิดไม่ออกว่าเคลวินจะให้หล่อนช่วยเหลืออะไร ในเมื่อไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก
“ถ้าหนูทำได้ หนูยินดีช่วยพ่อเลี้ยงทุกอย่างค่ะ”
หล่อนเห็นริมฝีปากหยักสวยของเคลวินบิดเบี้ยว ก่อนที่เขาจะยิ้มเย้ยหยันออกมา
“เธอช่วยฉันได้แน่นอน เฌอปราง”
“เอ่อ... แล้วพ่อเลี้ยงจะให้หนูช่วยยังไงเหรอคะ”
ไฟร้ายในดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินลุกโชนจนน่าหวั่นใจแทนณิชา
“ฉันต้องการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”
“คะ?!”
หล่อนต้องหูฝาดไปแน่ หรือไม่ก็... อาจจะได้ยินผิดไป ไม่มีทางที่เคลวินจะมีความคิดบ้าคลั่งแบบนี้หรอก
“ฉันต้องการแก้แค้นณิชา ด้วยการจ้างเธอมาแต่งงานด้วย”
คราวนี้หล่อนรู้แล้วล่ะว่าตัวเองหูไม่ได้ฝาดเฝื่อน แต่สิ่งที่ได้ยินมันดังออกมาจากปากหยักสวยของเคลวินจริงๆ
ดวงตากลมโตเบิกโพลง กลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อเผยอกว้างด้วยความตื่นตกใจ
“ฉันต้องการทำให้ณิชารู้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย กับสิ่งที่ณิชาทำลงไป”
“พ่อเลี้ยง... หนู...”
“ฉันรู้ว่าเธอตกใจมาก แต่ฉันมองไม่เห็นใครแล้วที่จะสวมบทบาทเมียของฉันได้แนบเนียนเท่ากับเธอ”
“หนู...”
“ถ้าเป็นเธอ ณิชาจะต้องไม่สงสัย เพราะเธออยู่ในไร่กับฉัน”
หล่อนจะทำยังไงดี...?
“หนูคิดว่า... ทางนี้มันไม่น่าจะทำให้อะไรดีขึ้นได้นะคะพ่อเลี้ยง”
หล่อนพยายามที่จะปฏิเสธอ้อมๆ แต่เคลวินไม่เห็นด้วย เขายังยืนยันคำเดิม
“ทางนี้แหละ ที่มันจะทำให้ณิชารู้ว่า แท้จริงแล้วคนที่จะต้องกระอักออกมาเป็นเลือดไม่ใช่ฉัน แต่เป็นตัวของณิชาเอง”
น้ำเสียงของเคลวินอัดแน่นไปด้วยความคั่งแค้น จากนั้นเขาก็จ้องหน้าหล่อนและถามหาคำตอบ
“ว่าไงล่ะ เธอตกลงไหม”
“หนู...”
“ฉันไม่บังคับนะ แต่ฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ”
เฌอปรางก้มหน้าลงมองมือเล็กของตัวเองที่ประสานกันเอาไว้บนตัก สมองกำลังสับสนอลหม่านราวกับถูกพายุพัดเข้าถล่ม
ถ้าหล่อนปฏิเสธ แล้วเคลวินจะเกลียดหล่อนไหม?
แล้วถ้าหล่อนตอบตกลงล่ะ หล่อนจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองที่จะต้องถลำลึกมากยิ่งขึ้น
“ฉันรอคำตอบอยู่นะ เฌอปราง”
หล่อนค่อยๆ ช้อนตาขึ้นสบประสานกับดวงตาสีน้ำตาลสุดสวยของเคลวิน
หล่อนไม่ต้องการทำให้เคลวินผิดหวัง
“ค่ะ หนูตกลงค่ะ”
ริมฝีปากหยักสวยของเคลวินแย้มเผยอเป็นรอยยิ้ม พร้อมกับเสียงขอบคุณที่ดังเล็ดลอดออกมา
“ขอบใจมากนะเฌอปรางที่ให้ความร่วมมือกับฉัน”
